1. เมือจะใส่ Key ใน constant CW บางครั้งได้ Key มาเป็นเลขฐาน 16 จำนวน 32 หลัก เช่น: จะดูช่อง Sex View Plus บน Hotbird 13 องศา East (ล่าสุด constant CW สำหรับดู Sex View Plus คือ2BAB571D4FCFCCC4C4478081AB5804F - ปล. นี้คือ คีย์เก่าจึงเป็นไม่ได้ใช้งานอีกต่อไปฉันใช้มันเพียงเพื่อเป็นตัวอย่าง)
2. ไปที่ ช่อง Sex View Plus
3. กดปุ่ม ? (Info) บนรีโมท 3 ครั้ง จะปรากฏหน้าต่างแสดงทุกรายละเอียดของช่องสัญญาณจะปรากฏขึ้นบนหน้าจอของคุณ
4. เขียนลงบนแผ่นกระดาษ "ความถี่", "ServID" & "PMTPID" ของช่องในคำถามสำหรับดูเพศพลัส "ความถี่" คือ 12360, "ServID" คือ 14002 และ "PMTPID" คือ 402
5. ใช้เครื่องคิดเลขนี้เพื่อแปลงตัวเลขเหล่านี้จากเลขฐานสิบไป HEX: http://tinyurl.com/mq5cm
6. เมื่อแปลงตัวเลขเหล่านี้เป็น เลขฐาน 16 (HEX) แล้ว คุณจะได้ผลรับ ดังต่อไปนี้: 12360 = 3048 , 14002 = 36B2 และ 402 = 0192
7. ที่ Remote ให้ไปที่ : Menu -> networksetting > CccamClient setting -> Manage setting - > constant.cw -> Add (เขียว)
8. ถ้าคุณสังเกตเห็นแตกต่างที่สำคัญของ BissKey constant CW ที่ถูกสร้างขึ้น 32 คีย์ ดังนั้นคุณจะต้องแปลงเป็น 2 บรรทัด แทนที่จะเป็น 1 บรรทัด
9. ก่อนที่คุณจะใส่คีย์ คุณต้องตัด Key constant CW จาก 32 หลักไปเป็น 24 หลัก โดยให้แยกความสำคัญดังนี้ 02BAB5 71 D4FCFC CC 4C4478 08 1AB580 4F ลบคีย์ทุกๆคู่ 4 ของแถวคีย์ แล้วนับไปอีก 4 ชุดแล้วลบ คู่ที่ 4 ของคีย์ไปจนหมดถึงคีย์สุดท้าย อธิบายใหม่ดีกว่า คุณต้องลบ : คีย์ 7th/8th, คีย์ 15th/16th, คีย์ 23rd/24th & คีย์ 31st/32nd เมื่อคุณทำแล้ว จะมี Key ที่เหลือ ดังต่อไปนี้ : 02BAB5D4FCFC 4C44781AB580
10. เราก็ใส่ไปเลยครับ "ความถี่" ใน HEX (3048) , ไบต์สุดท้ายของ "ServID" ใน HEX (B2) , ไบต์สุดท้ายของ "PMTPID "ใน HEX (92)
11. ใน constant CW คุณจะได้แทรกบรรทัด ต่อไปนี้: 3048 B2 92 02BAB5D4FCFC 12 กดปุ่ม "OK" ด้วย Remote ของคุณ เพื่อจะบันทึก
12. ใส่อีกครับ ในบรรทัดที่ว่างบรรทัดที่สอง "ความถี่" ใน HEX (3048) , ไบต์สุดท้ายของ "ServID" ใน HEX (B2) , ไบต์สุดท้ายของ "PMTPID" ใน HEX (92) และในครั้งที่สอง 12 หลักของ Constant CW คุณจะได้แทรกข้อมูล ต่อไปนี้: 3048 B2 92 4C44781AB580
13. กดปุ่ม "OK" เพื่อบันทึก
14. หากท่านปฏิบัติตามคำแนะนำทั้งหมดข้างต้นแล้ว คุณจะได้ Key constant CW ไว้สำหรับดู Sex view Plus เพราะฉะนั้น คุณจะสามารถดูช่องนี้เมื่อเข้ารหัสด้วยคีย์เหล่านี้
ส่วนประกอบ
CAID คือ ประเภทการเข้ารหัส ซึ่งจะระบุเป็นตัวเลขแทน เช่น 2600=Biss, 0614=Irdeto
Provid(Provider ID) หมายเลขของผู้ให้บริการสัญญาณช่องดาวเทียม
Sid(Service ID) ค่าหมายเลขประจำช่องดาวเทียมนั้นๆ
PMT(Program Map Table) ชุดหมายเลขหรือเลขแพ็คเกจของช่อง ซึ่งหมายเลขจะมากกว่าหนึ่ง เช่น 0x0001
ECM(Entitlement Control Message)รูปแบบการส่งสัญญานช่องที่เข้ารหัสและไม่เข้ารหัส เช่น1FFF เป็นรูปแบบของ caid 2600 เป็นต้น
PID = Packet id. หรือ Package Identifiers
SID= Service id. หรือ Service Identifiers
VPID= Video Packet Identifier คือ หมายเลขประจำตัวสำหรับสตรีมวีดีโอของช่องดาวเทียม
APID=Audio packet Identifier คือ หมายเลขประจำตัวสำหรับสตรีมเสียงช่องดาวเทียม
PCRPID=Program Clock Reference คือ หมายเลขการอ้าอิงสัญญาณนาฬิกา ใช้เพื่อซิงค์เสียงและวิดีโอช่องดาวเทียม
PID วิดีโอและเสียงจะถูกจัดกลุ่มเข้าด้วยกันเป็น service id หรือ sid ดังนั้นแต่ละโปรแกรมจะมี SID จะเชื่อมโยงกับ PIDs สำหรับการส่งข้อมูลภาพและเสียงค่า sid และ pid ของแต่ละช่องจะไม่ซ้ำกัน(อาจจะซ้ำกันในค่า sid) ดังนั้นเมื่อค่าต่างๆไม่ถูกต้อง เราจะรับช่องนั้นๆไม่ได้
สรุปก็คือ ค่า sid และ pid เป็นหมายเลขประจำตัวของช่องนั้นๆ หรือ ไอดี(ID) ของช่องนั้นๆ
ส่วนจะดูหมายเลขค่าของช่องนั้น บางเครื่องรับเขาจะมีปุ่มกดหมายเลขบอก บ้านเราส่วนมากไม่ระบุครบถ้วน
Openbox,Dreambox ของแท้ที่ใช้กันในแถบยุโรปเวลากดปุ่ม info จะมีหมายเลขโชว์ค่าต่างๆเต็มไปหมด
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น